ข่าวทั่วไทยสังคม

กลุ่มชาวบ้านกว่า 200 รายเรียกร้องที่ดินทำกิน บุกศาลากลาง ทวงถามการจัดสรรที่ดินทำกินที่ล่าช้ากว่า 9 ปี แม้จะมีคำสั่งศาลปกครองคืนพื้นที่แล้วก็ตาม หากไม่ได้คำตอบที่พอใจเตรียมปักหลักศาลากลาง หรือเข้ายึดสวนปาล์มแปลงที่มีปัญหา

กลุ่มชาวบ้านกว่า 200 รายเรียกร้องที่ดินทำกิน บุกศาลากลาง ทวงถามการจัดสรรที่ดินทำกินที่ล่าช้ากว่า 9 ปี แม้จะมีคำสั่งศาลปกครองคืนพื้นที่แล้วก็ตาม หากไม่ได้คำตอบที่พอใจเตรียมปักหลักศาลากลาง หรือเข้ายึดสวนปาล์มแปลงที่มีปัญหา

กลุ่มชาวบ้านกว่า 200 รายเรียกร้องที่ดินทำกิน บุกศาลากลาง ทวงถามการจัดสรรที่ดินทำกินที่ล่าช้ากว่า 9 ปี แม้จะมีคำสั่งศาลปกครองคืนพื้นที่แล้วก็ตาม หากไม่ได้คำตอบที่พอใจเตรียมปักหลักศาลากลาง หรือเข้ายึดสวนปาล์มแปลงที่มีปัญหา

เมื่อเวลา 10:00 น.วันที่ 8 มิ.ย.66 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มชาวบ้านผู้เรียกร้องที่ดินทำกินกว่า 200 คน รวมตัวเพื่อเรียกร้องที่ดินทำกินของธนารักษ์ที่หมดสัมปทานที่ถือครองโดยบริษัทจำนวน 3 แปลง   โดยเฉพาะแปลง บริษัทสามขัยสวนปาล์มน้ำมัน (2546) จำกัด ที่ศาลปกครองสูงสุดได้ พิพากษายืน เหมือนศาลปกครอนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ให้นำพื้นที่ส่วนเกินประมาณ 1900 ไร่มาจัดสรรให้ประชาชนที่ลงทะเบียนของที่ดินทำกิน และดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 120 วัน ตั้งแต่มีคำพิพากษา แต่ผ่านมานานกว่ากำหนด ยังไม่มีการจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้านแต่อย่างใด

นายชาคฤช ศรีภิรมย์มิตร ตัวแทนชาวบ้านในฐานะผู้รับมอบอำนาจ เป็นผู้ฟ้องคดีคนที่ 1 ที่ได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองมาอย่างยาวนาน จนศาลปกครองสูงสุดมีคำชี้ขาดแล้วว่าให้นำที่ดินส่วนเกิน มาจัดสรรให้ชาวบ้าน ซึ่งที่ดินส่วนเกินนี้สืบเนื่องต่อเนื่องจากที่ดินหมดสัมปทานกับธนารักษ์ในปี 2557 ก็เข้าสู้กระบวนการจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนตามสัญญาเช่าของบริษัทจำนวน 1,850 ไร่ โดยแบ่งอัตราส่วนแบ่งให้ชาวบ้านร้อยละ 50 มาดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน 925 ไร่ไปแล้ว และบริษัทเช่าต่ออีก 15 ปี

แต่จากการรังวัดที่ดินจริงที่ยริษัทดำเนินการกลับพบว่า มีเนื้อที่ส่วนเกินนอกเนื้อจากสัญญาเช่าที่ถูกต้องจำนวน 1,903 ไร่ มองว่ามีการสัญญาอำพรางซ้อนเร้น ชาวบ้านจึงดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราชให้นำที่ดินส่วนเกินมาจัดสรรให้ชาวบ้านด้วย ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะยืนคำตัดสินตามศาลปกครองนครศรีธรรมให้พื้นที่มาตัดสรรให้ชาวบ้าน วันนี้จึงมาทวงถามเพราะล่วงเลยระยะเวลากำหนด 120 วันมาแล้ว มองว่ามีกระบวนการยื้อเวลา

พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องขอคำตอบจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีใช้อำนาจในฐานะประธาน คทช.จ.สฎ. สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเจ้าของพื้นที่ดำเนินการปฏิบัติให้เป็นไปตามห้วงเวลาของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดอันคดีถึงที่สุดแล้ว

ซึ่งหลังจากการประชุม คทช.จ.สฎ.ในเดือนนี้ยังไม่มีขอสรุปที่ขัดเจน และไม่ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ จะยกระดับการเรียกร้องในการปักหลักหน้าศาลากลางจังหวัด หรือเข้ายึดพื้นที่แปลงที่เรียกร้อง เร่งรัดให้ภาครัฐเร่งดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้าน โดยในวันนี้มีนายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มารับข้อเรียกร้องจากชาวบ้าน ซึ่งได้ให้คำตอบแก่ชาวบ้านเบื้องต้นว่าจะเร่งดำเนินการนำข้อเรียกร้องเข้าประชุมหารือใน คณะกรรมการ คทช.จ.สฎ.ในเดือนนี้ และเร่งตรวจสอบและหาแนวทางช่วยชาวบ้านให้เร็วที่สุด ก่อนที่ชาวบ้านจะแยกย้ายกันกลับและจะมาติดตามเรื่องอีกครั้งหลังจากประชุม คทช.จ.สฎ.ประจำเดือน มิถุนายน 2566 ต่อไป

/////

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button