สองบริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจด้านปิโตรเคมีเปิดคลังน้ำมันร่วมพี.ซี.สยามและไออาร์พีซีเพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภาคใต้
สองบริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจด้านปิโตรเคมีเปิดคลังน้ำมันร่วมพี.ซี.สยามและไออาร์พีซีเพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภาคใต้

สองบริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจด้านปิโตรเคมีเปิดคลังน้ำมันร่วมพี.ซี.สยามและไออาร์พีซีเพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภาคใต้
เมื่อเวลา10.55 น.วันที่ 20 ก.ค.65 ที่คลังน้ำมันพี.ซี.สยาม ต.บางกุ้งอ.เมืองจ.สุราษฎร์ธานีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพรชัย เหลืองกำธร ประธานกรรมการบริษัทพี.ซี.สยามกรุ๊ป นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเพชรศรีวิชัยเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด น.ส.พรทิพย์ เหลืองกำธร รองประธานกรรมการบริหารพี.ซี.สยามกรุ๊ป น.ส.วนิดา อุทัยสมนภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พาณิชยกิจและการตลาดร่วมพิธีเปิดคลังน้ำมันร่วมพี.ซี.สยามและไออาร์พีซีซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจด้านปิโตรเคมี
น.ส.วนิดา กล่าวว่า พิธีเปิดคลังน้ำมันร่วมระหว่างบริษัทพี.ซี. สยามปิโตรเลียมจำกัดและบริษัทไออาร์พีซีจำกัด(มหาชน)ในวันนี้บริษัทไออาร์พีซีจำกัด(มหาชน) หรือIRPC ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ณเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีจังหวัดระยองประกอบด้วยโรงงานปิโตรเลียมและโรงงานปิโตรเคมีที่พร้อมด้วยสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจทั้งท่าเรือน้ำลึกคลังน้ำมันและโรงไฟฟ้าโดยโรงกลั่นน้ำมันของIRPC มีกำลังการผลิต215,000 บาร์เรลต่อวันจัดอยู่ในอันดับ3 ของกำลังการกลั่นน้ำมันในประเทศสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่มีความหลากหลายประกอบด้วยน้ำมันดีเซลน้ำมันแก๊สโซฮอล์ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) แนฟทาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอย
ด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานีมุ่งเน้นพัฒนาไปสู่การเป็นประตูเศรษฐกิจแห่งภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งและเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันตอนใต้ของประเทศไทยไออาร์พีซีจึงได้ร่วมกับบริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดขยายการลงทุนไปยังภาคใต้ของประเทศที่นอกจากจะสร้างความมั่นคงทางธุรกิจให้กับสองบริษัทฯแล้วยังช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและสนับสนุนการเติบโตให้กับภาคใต้อีกทางหนึ่งด้วยความร่วมมือกับบริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดในการเปิดเป็นคลังน้ำมัน ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นคลังกระจายสินค้าลำดับที่6 ของIRPC โดยคลังน้ำมันพี.ซี.สยามแห่งนี้เป็นคลังน้ำมันที่ครบวงจรประกอบด้วยท่าเรือถังเก็บบรรจุภัณฑ์น้ำมันดีเซล ถังเก็บบรรจุภัณฑ์น้ำมันแก๊สโซฮอล์และระบบการจ่ายน้ำมันทางรถที่มีประสิทธิภาพและผ่านการพิจารณาจากกรมธุรกิจพลังงานถือได้ว่าเป็นคลังยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งในจ.สุราษฎร์ธานี
คลังน้ำมันร่วมพี.ซี.สยามและไออาร์พีซีจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งด้านพลังงานสามารถรองรับความต้องการใช้พลังงานของภาคการขนส่งและคมนาคมตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์และเสริมสร้างเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฏร์ธานีและภาคใต้ยิ่งขึ้นไป
ด้านน.ส.พรทิพย์ กล่าวว่า บริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2533 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก500 ล้านบาทโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ.2543 โดยสามารถซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นภายในประเทศหรือนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และนำมาเก็บไว้ในคลังน้ำมันของบริษัทโดยขนส่งด้วยเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัททำให้สามารถจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าต่อไป ชนิดน้ำมันที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้าได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว,น้ำมันแก๊สโซฮอล์91,และ95 การจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ลูกค้าในลักษณะการขายส่ง โดยใช้รถบรรทุกน้ำมันรับจากคลังไปส่งให้ลูกค้าที่เป็นสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป ในบริเวณพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดใกล้เคียง
บริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงรายเดียวในภาคใต้ที่สามารถขอใบอนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ.2543 ซึ่งมีเงื่อนไขคือต้องมีการสำรองน้ำมันตามปริมาณการค้าและกำหนดการค้าขั้นต่ำ1 แสนเมตริกตันต่อปีหรือ120 ล้านลิตร
บริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดมีคลังน้ำมันทั้งหมด4 แห่งคือที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดสงขลาจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเป็นคลังเขตปลอดอากร 2 แห่งคือที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดฉะเชิงเทราบริษัทฯได้มีการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันภายใต้ชื่อสถานีบริการน้ำมันพี.ซี. ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดใกล้เคียง
บริษัทพี.ซี.สยามปิโตรเลียมจำกัดและบริษัทไออาร์พีซีจำกัด(มหาชน) มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีมาอย่างยาวนานจึงมีความคิดในการเปิดคลังน้ำมันร่วมกันโดยเห็นว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีความเหมาะสมที่เป็นศูนย์กลางในการกระจายน้ำมันในภาคใต้ต่อไป
/////